ไฮไลฟ์โกร เอส - Hylfe Gro S
เป็นสารอินทรีย์สกัดพิเศษช่วยในการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางลำต้น เพิ่มพลังงานให้แก่พืชอย่างต่อเนื่อง ช่วยปรับโครงสร้างเนื้อเยื่อขยายเซลล์ ช่วยฟื้นฟูต้นพืชที่โทรมให้แข็งแรง ทำให้พืชทนต่อสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และทำให้พืชดูดซับธาตุอาหารในดินเพื่อในไปใช้ในการปรับโครงสร้างได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับพืชที่ต้องการใช้พลังงานมากในช่วงเร่งการแตกหน่อ แตกกอ เร่งต้น เร่งผล เร่งดอก เร่งใบ เร่งราก ทำให้ต้นพืชสมบูรณ์แข็งแรงใช้ง่ายประหยัดลดการใช้ปุ๋ยกระสอบ -พืชจะทนแล้งต้านหนาว -พืชสามารถเร่งการงอกของเมล็ด -พืชสามารถสร้างรากใหม่ และมีใบเขียวทน -ลำต้นพืชแกร่ง และเร่งโตเร็ว |
ผลิตภัณฑ์การเกษตร Hylife gro
นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของไฮไลฟ์โกร มีประสิทธิภาพดังนี้ -ช่วยในการปรับโครงสร้างของดินให้ดีขึ้น เหมาะสมกับการเพาะปลูกมากขึ้น -คืนระบบนิเวศที่ดีให้แก่จุลินทรีย์ในดิน -ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากพืช รากพืชสามารถดึงดูดซับธาตุสารอาหารในดินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น -ทำให้พืชสามารถดำเนินกิจกรรมในต้นได้อย่างต่อเนื่อง แม้ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม พืชสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะร้อนจัด หนาวจัด ฝนแล้งกรือฝนชุก โดยไม่ส่งผลกระทบแม้ใช้อย่างต่อเนื่อง -สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียงจากการใช้สารจำกัดศัตรูพืชเช่นยาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลง ทำให้พืชประธานไม่เหลืองไม่ชะงักงัน -ไฮไลฟ์โกร ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและไม่มีสารตกค้างในดิน หมายเหตุ : สามารถใช้ร่วมกันทั้งสองสูตรได้โดยพิจารณาจากระยะการเจริญเติบโตของพืชโปรดศึกษาวิธีการใช้ในตารางอย่างถี่ถ้วน ไฮไลฟ์โกร แอล - Hylfe Gro L
เป็นสารอาหาร และแร่ธาตุชนิดเข้มข้นที่จำเป็น ช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรงให้แก่พืช สำหรับช่วงระยะเริ่มติดดอก ออกผล ลงหัว หรือโตสมบูรณ์ที่ ช่วยปรับปรุงคุณภาพของผลผลิตให้ได้ปริมาณสูงสุด -เปิดตาดอก ช่วยผสมเกสร -ส่งเสริมการสร้างและสะสมอาหารภายในต้นพืช -เพิ่มปริมาณแป้งในพืชหัวได้มากขึ้น -ทำให้พืชหัวมีขนาใหญ่ แข็งแรง เนื้อแน่น ใส้ไม่กลวง -ลดการร่วงหล่น ขั้วเหนียว -ทำให้พืชดูดซับธาตุอาหารต่างๆ ในดินได้อย่างเต็มที่ -ช่วยขยายขนาด และพัฒนาคุณภาพของผลผลิตให้ดีขึ้น |
อัตราการใช้ S และ L
: ขนาดบรรจุ 1000 ซีซี ต่อ 1 ขวด
: ขนาดถังพ่นยา 20 ลิตร ตวงใช้ 20 – 30 ซีซี
: ขนาดถังพ่นยา 200 ลิตร ตวงใช้ 200 – 300 ซีซี ( หรือ 1000 ซีซี ผสมน้ำได้ 1000 ลิตร )
: สามารถใช้ผสมร่วมกับสารป้องกันกำจัดโรคและแมลงได้ทุกชนิด
: ขนาดบรรจุ 1000 ซีซี ต่อ 1 ขวด
: ขนาดถังพ่นยา 20 ลิตร ตวงใช้ 20 – 30 ซีซี
: ขนาดถังพ่นยา 200 ลิตร ตวงใช้ 200 – 300 ซีซี ( หรือ 1000 ซีซี ผสมน้ำได้ 1000 ลิตร )
: สามารถใช้ผสมร่วมกับสารป้องกันกำจัดโรคและแมลงได้ทุกชนิด
ไฮไลฟ์โกร เอ็กซ์ตร้า - Hylife Gro X-TRA
ใช้กับต้นไม้ทุกชนิดที่โตแข็งแรงพร้อมจะกินปุ๋ยแล้ว และเริ่มใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีได้ ฤดูกาลแรกที่ใช้ให้ใช้ควบคู่กะปุ๋ยเม็ดเคมีก่อนแต่ลดปริมาณปุ๋ยเม็ดลงเหลือ ครึ่งเดียวได้ คือค่อยๆลดค่ะ หรือจะใส่สัก30%ก็ได้ ควบคู่ไปกะใช้ เอ็กตร้าตัวนี้...
วิธีการทำงานของไฮไลฟ์โกร เอ็กตร้า คือ ใช้กะพืชปุ๊บ พืชกินได้ปั๊บ กินอิ่ม สะสมไว้ใช้ในครั้งต่อไปได้ด้วย พอหิวต้องการอาหารก็เอาที่สะสมไว้มากินต่อ อิ่มก็หยุดกิน หิวก็เอาที่สะสมไว้มากิน ......จึงทำให้การใช้เอ็กตร้า พืชสามารถทำกิจกรรมเติบโตสร้างดอกผลได้โดยไม่หยุดชะงักงันแม้อยู่ในสภาวะ อากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในการเจริญเติบโตเลยก็ตาม
ข้อสำคัญ ใช้ครบวงจรเมื่อไร ไฮไลฟ์โกร เอส (สำหรับเริ่มปลุกสรางใบ สร้างความเขียวของใบ) ไฮไลฟ์โกร แอล (สำหรับพืชที่เริ่มกินปุ๋ยได้แล้ว คือโตพอ ก็ให้ตัวนี้ได้เลย เพื่อสะสมอาหารให้เค้า) ไฮไลฟ์โกร เอ็กตร้า (สำหรับพืชที่เริ่มกินปุ๋ยได้แล้ว คือโตพอ ก็ให้ตัวนี้ได้เลย และ โดยเฉพาะพืชใหญ่ค่ะ พืชผักกินใบไม่ต้องก็ได้ประหยัดไป ใช้ทดแทนปุ๋ยเคมี ให้พืชได้รับแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับพืชครบถ้วน13ชนิด อีก3ได้จากอากาศ อีก4เป็นแค่ตัวเสริม) ปุ๋ยอินทรีย์เคมี(มูลค้างคาว) ก็เสริมธาตุอาหารให้พืช ทุกตัวทำให้ดีดินไม่เสีย
ใช้กับต้นไม้ทุกชนิดที่โตแข็งแรงพร้อมจะกินปุ๋ยแล้ว และเริ่มใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีได้ ฤดูกาลแรกที่ใช้ให้ใช้ควบคู่กะปุ๋ยเม็ดเคมีก่อนแต่ลดปริมาณปุ๋ยเม็ดลงเหลือ ครึ่งเดียวได้ คือค่อยๆลดค่ะ หรือจะใส่สัก30%ก็ได้ ควบคู่ไปกะใช้ เอ็กตร้าตัวนี้...
วิธีการทำงานของไฮไลฟ์โกร เอ็กตร้า คือ ใช้กะพืชปุ๊บ พืชกินได้ปั๊บ กินอิ่ม สะสมไว้ใช้ในครั้งต่อไปได้ด้วย พอหิวต้องการอาหารก็เอาที่สะสมไว้มากินต่อ อิ่มก็หยุดกิน หิวก็เอาที่สะสมไว้มากิน ......จึงทำให้การใช้เอ็กตร้า พืชสามารถทำกิจกรรมเติบโตสร้างดอกผลได้โดยไม่หยุดชะงักงันแม้อยู่ในสภาวะ อากาศที่ไม่เอื้ออำนวยในการเจริญเติบโตเลยก็ตาม
ข้อสำคัญ ใช้ครบวงจรเมื่อไร ไฮไลฟ์โกร เอส (สำหรับเริ่มปลุกสรางใบ สร้างความเขียวของใบ) ไฮไลฟ์โกร แอล (สำหรับพืชที่เริ่มกินปุ๋ยได้แล้ว คือโตพอ ก็ให้ตัวนี้ได้เลย เพื่อสะสมอาหารให้เค้า) ไฮไลฟ์โกร เอ็กตร้า (สำหรับพืชที่เริ่มกินปุ๋ยได้แล้ว คือโตพอ ก็ให้ตัวนี้ได้เลย และ โดยเฉพาะพืชใหญ่ค่ะ พืชผักกินใบไม่ต้องก็ได้ประหยัดไป ใช้ทดแทนปุ๋ยเคมี ให้พืชได้รับแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับพืชครบถ้วน13ชนิด อีก3ได้จากอากาศ อีก4เป็นแค่ตัวเสริม) ปุ๋ยอินทรีย์เคมี(มูลค้างคาว) ก็เสริมธาตุอาหารให้พืช ทุกตัวทำให้ดีดินไม่เสีย
ปุ๋ยมูลค้างคาว (ตราเขาเพชร)
ข้อดีของปุ๋ยมูลค้างคาว
1 มีปริมาณความเข้มข้นของธาตุอาหารพืชสูงกว่าปุ๋ยอินทรีย์ชนิดอื่น
2 ปุ๋ยมูลค้างคาวนอกจากจะให้ธาตุอาหารที่เพียงพอแล้ว ยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินด้วยทำให้ดินร่วน ดินซุย
3 ในมูลค้างคาวอุดมไปด้วย ธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม เช่น แคลเซี่ยม แมกนีเซี่ยม กำมะถัน เหล็กแมงกานีส สังกะสี ทองแดง โบรอน และโมลิบดินัม คลอลีน ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของพืชโดยทั่วไป
4 ในมูลค้างคาวมีธาตุอาหารฟอสฟอรัสมากเป็นพิเศษ จึงเหมาะสมกับการนำมาใช้ทั้งใน พืชผัก พืชสวน พืชไร่ และไม้ดอก ไม้ประดับ จ ช่วยเพิ่มในเรื่องของ สีสัน รสชาติ และเพิ่มผลผลิตได้อย่างดี
ส่วนประกอบสำคัญในการผลิตปุ๋ย
1. วัตถุดิบมูลค้างคาว มูลค้างคาวจำนวนมหาศาลที่บริษัทฯได้รับสัมปทานถ้ำค้างคาวนั้น สามารถนำมาผลิตปุ๋ยที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของมูลค้างคาวเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่ามีประโยชน์ต่อพืชมากมาย อุดมไปด้วยธาตุอาหารครบตามที่พืชต้องการ และพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์
2. สารอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าต่อการเจริญเติบโตของพืชเป็นอย่างมาก ซึ่งทางบริษัทฯได้นำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตปุ๋ยด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเท่าทวีคูณ เพราะสารอาหารดังกล่าวมีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม รวมทั้งฮิวมัส ฮิวมิค อะมิโน สารอาหารชนิดนี้เป็นเคมีธรรมชาติ ที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตอาหารของประเทศญี่ปุ่น รัฐบาลไม่ได้ตีค่าเป็นเคมี แต่ด้วยคุณค่านั้นเหนือกว่าเคมีนำเข้าโดยทั่วไป การปลดปล่อยต่างกัน ให้คุณค่าที่สูงกว่า พืชจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า
3. จุลินทรีย์สายพันธุ์พิเศษนำเข้าจากประเทศอิสราเอล เป็นอีกส่วนผสมหนึ่งที่ใช้ในกระบวนการผลิตปุ๋ยของทางบริษัทฯ จุลินทรีย์สายพันธุ์นี้ มีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ สามารถทำลายเชื้อโรคซึ่งเป็นสาเหตุของรากเน่า โคนเน่า ในพืชทุกชนิด ช่วยพัฒนาระบบราก ปรับสภาพดินที่เสียให้ร่วนซุย ปรับค่า PH ของดินให้เหมาะสม
อัตราและวิธีการใช้
ชนิดพืช : นาข้าว
ระยะที่ใช้ : ระยะแรก 15 – 30 วัน อัตราการใช้ : 40 – 80 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : หว่านทั่วแปลง
ะยะที่ใช้ : ระยะแรก 50 – 60 วัน อัตราการใช้ : 40 – 80 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : หว่านทั่วแปลง
ชนิดพืช : ข้าวโพด
ระยะที่ใช้ : ระยะพร้อมปลูก อัตราการใช้ : 50 – 100 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : โรยรองก้นหลุมพร้อมปลูก
ระยะที่ใช้ : ระยะแรก 20 – 25 วัน อัตราการใช้ : 30 – 40 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : โรยตามแนวข้าวโพด
ชนิดพืช : ส้ม มะนาว มะม่วง เงาะ ทุเรียน มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ลองกอง ฝรั่ง ชมพู่ องุ่น ปาล์ม
ระยะที่ใช้ : มีผลแล้ว อัตราการใช้ : 3 – 5 กก.ต่อต้น /ครั้ง วิธีการใช้ : หว่านรอบทรงพุ่ม
ข้อดีของปุ๋ยมูลค้างคาว
1 มีปริมาณความเข้มข้นของธาตุอาหารพืชสูงกว่าปุ๋ยอินทรีย์ชนิดอื่น
2 ปุ๋ยมูลค้างคาวนอกจากจะให้ธาตุอาหารที่เพียงพอแล้ว ยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินด้วยทำให้ดินร่วน ดินซุย
3 ในมูลค้างคาวอุดมไปด้วย ธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม เช่น แคลเซี่ยม แมกนีเซี่ยม กำมะถัน เหล็กแมงกานีส สังกะสี ทองแดง โบรอน และโมลิบดินัม คลอลีน ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการของพืชโดยทั่วไป
4 ในมูลค้างคาวมีธาตุอาหารฟอสฟอรัสมากเป็นพิเศษ จึงเหมาะสมกับการนำมาใช้ทั้งใน พืชผัก พืชสวน พืชไร่ และไม้ดอก ไม้ประดับ จ ช่วยเพิ่มในเรื่องของ สีสัน รสชาติ และเพิ่มผลผลิตได้อย่างดี
ส่วนประกอบสำคัญในการผลิตปุ๋ย
1. วัตถุดิบมูลค้างคาว มูลค้างคาวจำนวนมหาศาลที่บริษัทฯได้รับสัมปทานถ้ำค้างคาวนั้น สามารถนำมาผลิตปุ๋ยที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของมูลค้างคาวเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่ามีประโยชน์ต่อพืชมากมาย อุดมไปด้วยธาตุอาหารครบตามที่พืชต้องการ และพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์
2. สารอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยมอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าต่อการเจริญเติบโตของพืชเป็นอย่างมาก ซึ่งทางบริษัทฯได้นำมาเป็นส่วนผสมในการผลิตปุ๋ยด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเป็นเท่าทวีคูณ เพราะสารอาหารดังกล่าวมีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม รวมทั้งฮิวมัส ฮิวมิค อะมิโน สารอาหารชนิดนี้เป็นเคมีธรรมชาติ ที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตอาหารของประเทศญี่ปุ่น รัฐบาลไม่ได้ตีค่าเป็นเคมี แต่ด้วยคุณค่านั้นเหนือกว่าเคมีนำเข้าโดยทั่วไป การปลดปล่อยต่างกัน ให้คุณค่าที่สูงกว่า พืชจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า
3. จุลินทรีย์สายพันธุ์พิเศษนำเข้าจากประเทศอิสราเอล เป็นอีกส่วนผสมหนึ่งที่ใช้ในกระบวนการผลิตปุ๋ยของทางบริษัทฯ จุลินทรีย์สายพันธุ์นี้ มีคุณสมบัติพิเศษหลายประการ สามารถทำลายเชื้อโรคซึ่งเป็นสาเหตุของรากเน่า โคนเน่า ในพืชทุกชนิด ช่วยพัฒนาระบบราก ปรับสภาพดินที่เสียให้ร่วนซุย ปรับค่า PH ของดินให้เหมาะสม
อัตราและวิธีการใช้
ชนิดพืช : นาข้าว
ระยะที่ใช้ : ระยะแรก 15 – 30 วัน อัตราการใช้ : 40 – 80 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : หว่านทั่วแปลง
ะยะที่ใช้ : ระยะแรก 50 – 60 วัน อัตราการใช้ : 40 – 80 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : หว่านทั่วแปลง
ชนิดพืช : ข้าวโพด
ระยะที่ใช้ : ระยะพร้อมปลูก อัตราการใช้ : 50 – 100 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : โรยรองก้นหลุมพร้อมปลูก
ระยะที่ใช้ : ระยะแรก 20 – 25 วัน อัตราการใช้ : 30 – 40 กก.ต่อไร่ วิธีการใช้ : โรยตามแนวข้าวโพด
ชนิดพืช : ส้ม มะนาว มะม่วง เงาะ ทุเรียน มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ลองกอง ฝรั่ง ชมพู่ องุ่น ปาล์ม
ระยะที่ใช้ : มีผลแล้ว อัตราการใช้ : 3 – 5 กก.ต่อต้น /ครั้ง วิธีการใช้ : หว่านรอบทรงพุ่ม
ติดต่อ เป้ 0840298526
[email protected]
[email protected]